คู่ปรับเก่า ย้อนรอยเกมชิงชปล.ทำซาลาห์แค้นฝังหุ่น

คู่ปรับเก่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กองหน้าทีม ลิเวอร์พูลหล่นประโยคนี้ออกมาหลังรู้ว่าคู่ชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก 

คู่ปรับเก่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กองหน้าทีม ลิเวอร์พูลหล่นประโยคนี้ออกมาหลังรู้ว่าคู่ชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก ซีซั่นนี้ของ ลิเวอร์พูลได้แก่ เรอัลมาดริดคู่ปรับเก่า ดาวยิงทีมชาติอียิปต์พกความแค้นเอาไว้เต็มกระเป๋าก่อนเกมบิ๊กแมตช์ที่ สต๊าด เดอ ฟร็องซ์ วันเสาร์นี้

เนื่องจากเกมชิงดำถ้วยหูใหญ่เมื่อปี 2018 เขาเคยพ่ายต่อ ราชันชุดขาว ด้วยสกอร์ 3-1 หากแต่ที่ทำให้สตาร์ไอยคุปต์ไม่มีวันลืมเหตุการณ์ในเกมนั้นได้มาจนบัดนี้ก็คือเขาได้รับบาดเจ็บตั้งแต่ครึ่งแรกจนต้องเปลี่ยนตัวออกหลังถูก เซร์คิโอ รามอส เข้าปะทะจนไหล่หลุด และไม่สามารถเล่นต่อได้

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ซาลาห์มีโอกาสชำระหนี้แค้นคู่ปรับเก่าแล้ว และแม้หงส์แดง จะล้มเหลวในการสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ได้สี่รายการเป็นสโมสรแรกของอังกฤษ แต่พวกเขายังมีสิทธิ์ฝันถึงทริปเปิ้ลแชมป์ กระนั้นก็ดี ซาลาห์ไม่วายถูกกูรูหลายรายติติงต่อการให้สัมภาษณ์ในเชิงเจ็บแค้น

ซึ่งถูกมองว่าไม่ใช่เรื่องที่ดี และไม่ใช่สิ่งที่สมควรพูด นั่นเป็นเพราะว่าหากเขาพลาดท่าเสียทีต่อ ราชันชุดขาว อีกหน มันก็จะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเขาเองซึ่งหากเป็นอย่างนั้นงานแห่โทรฟี่สองแชมป์ของ เร้ด แมชีน คงกร่อยไม่ใช่น้อย จะอย่างไรก็ตาม ในอีกมุมกูรูหลายเสียงพากันชี้ว่าเกมวันเสาร์นี้

ลิเวอร์พูลเหนือกว่า เรอัลมาดริดหลายขุม และจะเอาชนะทีมแชมป์ ลาลีกา ได้ไม่ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดังจะเห็นว่าทีมของ คาร์โล อันเชล็อตติ มีดวงคอยอุ้มชูในถ้วยใบนี้มาหลายเกมแล้ว พวกเขาจึงน่าจะหมดวาสนาแต่เพียงเท่านี้ https://www.sociaquarterhorses.com/

ลิเวอร์พูลเหนือกว่า เรอัลมาดริดหลายขุม และจะเอาชนะทีมแชมป์ลาลีกา ได้ไม่ยาก

คู่ปรับเก่า แต่ก่อนที่เกมในวันเสาร์นี้จะระเบิดขึ้น เราสมควรเรียกน้ำย่อยกันสักนิดด้วยการย้อนไปถึงการฟาดแข้งของสองทีมยักษ์เมื่อสี่ปีก่อนที่เคี๊ยฟซึ่งจบลงด้วยชัยชนะของเรอัลมาดริด เจ้าพ่อถ้วยบิ๊กเอียร์ที่สามารถนำโทรฟี่ไปตั้งโชว์ที่สังเวียนแข้ง เบร์นาเบว ได้เป็นสมัยที่ 13

หากยังจำกันได้ หลังจากเกมดำเนินไปได้แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น รามอส ก็เหนี่ยวซาลาห์ ล้มลงกับพื้น และทำเอาดาวยิงลิเวอร์พูล มีปัญหาที่ไหล่ ต่ออาการบาดเจ็บดังกล่าว ดาวยิงมัมมี่หนีไม่พ้นต้องเดินออกจากสนาม และถูกแทนที่โดย อดัม ลัลลาน่า ก่อนที่เกมในครึ่งแรกจะจบลงแบบไม่มีสกอร์

นอกจาก ซาลาห์แล้ว ทีมของ ซีเนดีน ซีดาน กุนซือเฟรนช์แมนก็ต้องเสีย ดานี่ การ์บาฆาล กองหลังที่เดี้ยงจนต้องเปลี่ยนตัวออกในช่วงครึ่งแรกเช่นกันโดยมี นาโช่ ถูกส่งลงบู๊แทน จากนั้นในต้นครึ่งหลัง คาริม เบนเซม่า ก็ตะบันประตูให้ ราชันชุดขาว ออกนำจากความผิดพลาดของ ลอริส คาริอุส

ซึ่งเฝ้าเสาให้หงส์แดง เป็นเกมสุดท้าย และรอย้ายออกจาก แอนฟิลด์ ในซัมเมอร์นี้หลังหมดสัญญาโดยที่นายทวารชาวเมืองเบียร์ไม่มีโอกาสได้ลงสนามให้กับทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์อีกเลย จังหวะดังกล่าว ลอริอุส คว้าบอลที่ทีมจากลีกกระทิงดุวางยาวเข้าเขตโทษได้อย่างไร้ปัญหา

แต่เล่นสะเพร่าอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อพยายามกลิ้งบอลให้กับแบ็คขวาแล้วโดนกองหน้าเลือดน้ำหอมที่วิ่งตามมาแหย่ขาโดนบอลกระดอนเข้าประตู อย่างไรก็ดี ถัดมาไม่นาน แฟนบอลหงส์แดง ก็ได้กระโดดโลดเต้นจากการเล่นลูกเตะมุมด้านขวาที่ เดยัน ลอฟเรน โขกย้อนกลับไปเสาแรกแล้ว

ซาดิโอ มาเน่จิ้มบอลระยะเผาขนผ่านมือ เกย์ลอร์ นาวาส ได้สำเร็จ หลังโดนตีเสมอเรอัลมาดริด ก็เปลี่ยน อีสโก้ ออกโดยส่ง แกเร็ธ เบล ลงเล่นแทน และดาวเตะทีมชาติเวลส์กลายเป็นตัวทีเด็ดที่สร้างความเจ็บแสบให้กับทีมจาก พรีเมียร์ลีก ด้วยการเหมายิงคนเดียวสองประตูพาทีมซิวชัย 3-1

และทั้งสองประตูของ ราชันชุดขาว และเบล เกิดจากการประสานงานกันระหว่าง มาร์เซโล่ กับอดีตขุนพลทีม สเปอร์สทั้งสองครั้ง สำหรับประตูแรก แบ็คซ้ายแซมบ้าสาดบอลจากริมสนามเข้าเขตโทษแล้ว เบล โชว์ลีลาตีลังกายิงจาก 15 หลาส่งบอลเสียบใต้คานอย่างน่าฮือฮาชนิดที่ คาริอุส หมดสิทธิ์เซฟ ข่าวแมนยู

คู่ปรับเก่า จากนั้นในช่วงท้าย เบล ก็จัดแจงยิงลูกตอกฝาโลง หงส์แดงเมื่อ มาร์เซโล่ โยนบอลจากกราบซ้ายข้ามฟากมาแล้วสตาร์มังกรแดงแต่งบอลหนึ่งจังหวะก่อนตะบันจาก 35 หลาโดยที่ คาริอุส ทำพลาดอีกหนรับบอลหลุดมือเข้าประตูจนทำให้เจ้าตัวไม่ได้ผุดได้เกิดมาจนบัดนี้

พร้อมกันนี้ มันส่งผลให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่มีทางเลือกนอกจากตัดขาดกับนายทวารร่วมชาติ และซื้อ อลิสซง จอมหนึบทีมชาติบราซิลจาก โรม่า มาเฝ้าเสาแทนจนกลายเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกจุดของหงส์แดง จวบจนปัจจุบัน คาริอุส หล่นไปเป็นนายทวารตัวเลือกที่ห้าของสโมสรแล้ว

ต่อจาก อลิสซง , ควีวิน เคลเลเฮอร์ , อาเดรียน และ มาร์เซโล่ ปิตาลูก้า แถมในซัมเมอร์นี้ไม่รู้ว่าจะมีทีมไหนยินดีอ้าแขนต้อนรับผู้รักษาประตูวัย 28 ปีที่เอาอนาคตไปทิ้งไว้ที่ เคี๊ยฟ หรือเปล่า ต่อเกมเมื่อสี่ปีที่แล้ว ลิเวอร์พูลไม่ได้เปลี่ยนโฉมหน้าไปมากนักเมื่อเทียบกับทีมชุดปัจจุบัน

แน่นอนว่า คาริอุส เสียตำแหน่งให้ อลิสซง ขณะที่ ลอฟเรน ที่ย้ายออกไปมี โฌแอล มาติป กับ อิบราฮิม่า โกนาเต้ สลับกันเป็นคู่ขาของ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ นอกจากนี้ แกนหลักของหงส์แดง ยังอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาหลายรายทั้ง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ , แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน , จอร์แดน เฮนเดอร์สัน , ซาลาห์และ มาเน่

ขณะเดียวกัน เจมส์ มิลเนอร์ ยังรับใช้สโมสร แต่ไม่ได้เป็นขุนพลตัวจริงแล้วเนื่องจากลิเวอร์พูล ดึง ฟาบินโญ่ มาเสริมแดนกลาง แถมยังมี ติอาโก้ อัลกันตาร่า เพิ่มเข้ามาอีกรายด้วย เท่านั้นไม่พอ คล็อปป์ ให้ความสำคัญกับเกมรุกสุดขีดทั้งการดึง ดีโอโก้ โชต้า และ หลุยส์ ดิอาซมาสร้างความหวาดผวาให้กับแนวรับฝ่ายตรงข้าม

สำหรับ เรอัลมาดริดสมาชิกที่ยังอยู่กับสโมสรประกอบไปด้วย มาร์เซโล่ , การ์บาฆาล , ลูก้า โมดริช , โทนี่ โครส , กาเซมิโร่ และ เบนเซม่า ดาวซัลโวจอมเก๋าซึ่งกลายมาเป็นที่พึ่งอันดับหนึ่งของทีมในวัย 34ปี ส่วนที่ย้ายออกไปก็มี รามอส ที่ล้มเจ็บอยู่กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง

คู่ปรับเก่า ตลอดจน ราฟาแอล วาราน กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ได้ร่วมงานกันอีกครั้งในทีม แมนฯยูไนเต็ด ด้านนายทวาร นาวาส ซึ่งย้ายไปเป็นขุนพลทีม เปแอสเช เช่นกันถูกแทนที่โดย ติโบ กูร์กตัวส์ ส่วนรายอื่นๆที่ถูก ราชันชุดขาว ดึงมาเสริมก็มีทั้ง ดาวิด อลาบา และ วินิซิอุส จูเนียร์