ล็อกเป้าดึง “เรือใบสีฟ้า” ลิสต์ชื่อนักฟุตบอลดังทั้งยัง 2 ราย เป็นจุดมุ่งหมายสำหรับการเสริมไล่ล่าการบรรลุผล
ล็อกเป้าดึง วันที่ 8 มกราคม 65 ดิ แอธเลติก สื่อดังของอังกฤษ และก็ เอล นาสิงอองนาล สื่อประเทศสเปน รายงาน “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชมรมยักษ์ใหญ่ที่สึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ วางเป้าหมายคว้าตัว เอ้อร์ลิง เบราต์ ฮาแลนด์ แนวรุกกลุ่มชาติประเทศนอร์เวย์ของ “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
และก็ เฟเดริโก บัลเบร์เด มิดฟิลด์จอมเข้มแข็งกลุ่มชาติอุรุกวัยของ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด มาสู่ถิ่นเอติฮัด สเตเดียมสำหรับ ฮาแลนด์ วัย 21 ปี โชว์ฟอร์มได้อย่างรุนแรง ซัดไปแล้ว 19 ประตู กับอีก 5 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 16 นัดหมายให้กับดอร์ทมุนด์รวมทุกรายการในช่วงฤดูกาลนี้ นำมาซึ่งการทำให้กำลังได้รับความพอใจจากหลายชมรมใหญ่ในทวีปยุโรป
ซึ่งรายงานปัจจุบันจาก ดิ แอธเลติก บอกว่า แมนฯ ซิตี้ ได้วางตัว ฮาแลนด์ เป็นจุดมุ่งหมายเบอร์ 1 สำหรับการเสริมกองทัพ แล้วก็จัดเตรียมพุดคุยกับ มิโน ไรโอลา เอเย่นต์ของนักฟุตบอลในเร็วๆนี้ โดย ฮาแลนด์ จะมีค่าฉีกข้อตกลง 63 ล้านปอนด์ ในตอนซัมเมอร์นี้
เวลาที่ เอล นาสิอองนาล แถลงการณ์ว่า เป๊ป กวาร์ดิโอลา ผู้จัดการทีมฟุตบอล อยากได้คว้าตัว เฟเดริโก บัลเบร์เด มิดฟิลด์ของ เรอัล มาดริด เนื่องด้วยผู้จัดการทีมชาวประเทศสเปนเป็นแฟนตัวยงของนักฟุตบอลรายนี้ แล้วก็ได้แจ้งกับบอร์ดบริหารของสมาคมให้รู้และเข้าใจดีแล้ว
โดย เป๊ป มั่นใจว่าสภาพร่างกายที่เหลือเชื่อของ บัลเบร์เด จะเพอร์เฟ็คสำหรับในการค้าหน้าแข้งในพรีเมียร์ลีกอย่างไม่ต้องสงสัย ในช่วงเวลาที่ตัวของ บัลเบร์เด เอง แม้ว่าจะเป็นสุขในประเทศสเปน แต่ว่าผิดหวังที่ได้รับช่องทางลงในสนามไม่มากพอ 9 เกมหลังสุดเป็นตัวจริงแค่นัดเดียวเพียงแค่นั้น
4 ข้อความสำคัญข้างหลังเกม พรีเมียร์ลีก เรือใบ เปิดบ้าน เฉือน สิงห์บลู
1. เรือใบ คุมเกมกึ่งกลางสนามได้อยู่มือ
รูปเกมในวันนี้จำเป็นต้องพูดว่าเป็นไปตามคาดที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นข้างครอบครองเกมบุกและก็ เชลซี เป็นฝ่ายตั้งรับแล้วก็คอยสวนกลับ แม้กระนั้นสิ่งที่ผิดไปจากที่คิดไปเล็กๆเป็นการที่ เรือใบสีฟ้า คุมเกมกึ่งกลางสนามไว้ได้อย่างอยู่มือกดให้ สิงห์บลู ออกบอลมิได้ ข่าวแมนยู
จนกระทั่งจะต้องเตะทิ้งเตะขว้าง ซึ่งนี่เป็นข้อดีของการเล่นแบบ ฟอลส์ 9 ที่ทำให้ดินแดนกึ่งกลางมีตัวผู้เล่นค่อนจะเป็นต่อคู่ปรับ ทั้งยังการต่อบอลในเกมรุกแล้วก็การไล่บีบบีบคั้นในเกมรับ จนถึงทำให้ สิงโตสีน้ำเงินคราม หาช่องทางยิงมิได้เลยแม้กระทั้งครั้งเดียวในตอน 45 นาทีแรก
2. กราบซ้าย เชลซี เป็นบ่อ
หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงของ เชลซี ในเกมนี้เป็นการขยับ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ที่ธรรมดาเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คฝั่งซ้ายย้ายไปยืนประจำการทางขวา แล้วส่ง มาล็อง ซารร์ ลงติดต่อประสานงานกับ มาร์กอส อลอนโซ แล้วก็เมื่อจอมรั่วทั้งคู่คนมายืนใกล้เคียงกัน
ก็เลยไม่แปลกที่วันนี้ ราฮีม สเตอร์ลิง และก็ แบร์นาร์โด้ สิลวา จะสับเปลี่ยนกันมาเจาะแอ่งน้ำมันกันเป็นว่าเล่น แถมวันนี้คู่ซี้เกมรับทางกราบซ้ายเกมรับก็ไม่นิ่งแถมเกมรุกก็ไปไม่รอด จนถึงจำต้องอ่อนล้าพี่ใหญ่อย่าง ติอาโก้ สิลวา จะต้องมาตามกวาดให้อยู่เปลี่ยนต่อบ่อย
3. ตำแหน่งที่ตอบแทนกันมิได้
ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยคงพอรู้ดีอยู่แล้วว่าตำแหน่ง “วิงแบ็ค” เป็นหัวใจหลักในการทำกลุ่มของ โธมัส ทูเคิล ซึ่งก่อนหน้าที่ผ่านมามีหน้าที่อย่างยิ่งอีกทั้งเกมรุกรวมทั้งรับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมี เบน ชิลเวลล์ และก็ รีซ เจมส์ ที่ฟอร์มรุนแรงสุดๆในช่วงฤดูกาลนี้ส่งให้พวกเขาขึ้นนำเป็นผู้นำฝูงตั้งแต่ตอนต้นฤดู จนถึงการบาดเจ็บได้พรากตัวทั้งคู่คนไป
โดยยิ่งไปกว่านั้นในรายของ ชิลเวลล์ ที่เจ็บยาวทั้งยังฤดู ด้วยเหตุดังกล่าวเองทำให้ผลงานของ สิงห์บลู ตกลงๆเรื่อยแล้วก็เกมนี้ก็พิสูจน์ให้มองเห็นอีกรอบว่าการขาดตัวหลักในตำแหน่งนี้ไปมีผลอย่างมากมายมหาศาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกมรุกขอบเส้นที่ดรีชูได้ว่าความน่าสะพรึงกลัวหายไปเกินกว่าครึ่งเลยก็ว่าได้
4. เรือใบ มาแรงแซงม้วนเดียวแชมป์ ?
ผลจากชัยในเกมนี้ทำให้ เรือใบสีฟ้า ของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ทำสกอร์ห่าง เชลซี ไปแล้วถึง 13 คะแนนโดยที่พวกเขาลงแข่งขันเท่าๆกัน แถมยังทิ้งห่าง หงส์แดง ชั้น 3 ไปแล้วถึง 14 คะแนนแต่ว่าทาง ลิเวอร์พูล ลงแข่งขันน้อยกว่า 2 เกม ซึ่งแน่ๆว่าจำเป็นต้องดูควาสม่ำเสมอของ แมนฯ ซิตี้ ที่ไม่เบาๆมาแบบช้าๆ เล่นเกมของตนเองมาแบบเฉยๆ
กระทั่งเครื่องติดก็สามารถแซงตัดหน้าคู่ปรับกระทั่งนำลิ่ว ในช่วงเวลาที่ผู้ท้าแข่งต่างทยอยสะดุดกันเป็นว่าเล่น ทั้งยังความแพ้พ่ายต่อ สิตี้ ทั้งคู่นัดหมายในช่วงฤดูกาลนี้ของ สิงห์บลู ก็กระจ่างแจ้งว่าพวกเขายังมีอะไรจำเป็นต้องปรับแต่งถ้าต้องการจะมาเขย่าบัลลัง เรือใบ ในปีถัดไป แล้วก็หากต้องการให้ทายใจก็อาจจำต้องพูดว่ามีความน่าจะเป็นไปได้สูงที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะเข้าป้ายแชมป์ พรีเมียร์ลีก ปีนี้ไปได้แบบไม่มีข้อครหาและก็เป็นไปได้
